VDO Yipeng Lanna Light Festival Chiang Mai
- Pimchanok Teppawong
- 20 ต.ค.
- ยาว 1 นาที
ศาสนา วัฒนธรรม และ sustainable of tourism
ยี่เป็งไม่ใช่แค่งานประเพณี หากแต่เป็นการสักการะบูชาพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ และพระแม่คงคา หัวใจสำคัญจึงอยู่ที่ “แม่น้ำลำคลอง หนองบึง” ที่เรานำกระทงไปลอย
ในอดีต คนโบราณลอยกระทงด้วยความเคารพและตระหนักถึงความสะอาด วัสดุที่ใช้ล้วนเป็นของธรรมชาติ ไม่มีสารเคมีเหมือนทุกวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นโฟมหรือพลาสติกที่สร้างมลพิษให้แม่น้ำ
วันนี้เราจึงควรกลับมาระลึกว่า การบูชาที่แท้จริงคือการทำสิ่งที่ดีที่สุดให้กับสายน้ำ เลือกใช้กระทงที่ย่อยสลายได้ ใช้วัสดุที่ไม่ทำร้ายสิ่งแวดล้อม แม้แต่เทียนหรือผางประทีปก็ควรคิดถึงผลกระทบที่ตามมา
กระทงจากขนมปังหรือต้นกล้วย หากทำมากเกินไป ก็อาจสร้างปัญหาใหม่ได้ เราจึงต้องช่วยกันรณรงค์ลดปริมาณ ใช้อย่างพอดี เพื่อรักษาทรัพยากรธรรมชาติ ขณะเดียวกันธูปเทียนที่ผสมสารเคมีหรือสีสัน ก็สร้างทั้งมลพิษในน้ำและควันในอากาศ
ในสมัยก่อนวัดวาราราม ที่นำเทียนไขที่เหลือจากการบูชาพระ มาหล่อเป็นผางประทีปใช้ใหม่ เป็นตัวอย่างของการวนใช้ที่ยั่งยืน
เพราะถ้าเราลอยกระทงแล้วแม่น้ำกลับสกปรก เน่าเสีย ก็เท่ากับทำร้ายสิ่งที่เรากำลังบูชา แต่ถ้าแม่น้ำยังใสสะอาด ปลาอยู่ได้ ธรรมชาติยังอุดมสมบูรณ์ นั่นแหละคือการสืบสานยี่เป็งอย่างแท้จริง ประเพณีที่เดินเคียงคู่กับธรรมชาติอย่างยั่งยืน
-พระครูวิสุทธิกิจจานนท์ นันต๊ะ-
เจ้าอาวาสวัดล่ามช้าง
ฟ้อนเทียน บูชาเมือง ในงานต๋ามผางประทีปส่องฟ้าฮักษาเมือง 2568
ครูเอ จิดาภา ผู้เป็นแม่ครูภูมิปัญญา ได้สอนการฟ้อนล้านนาหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นฟ้อนเมือง ฟ้อนเล็บ ฟ้อนเทียน ซึ่งในงาน ต๋ามผางประทีปส่องฟ้าฮักษาเมือง ปีนี้ (3 พฤศจิกายน) ที่อนุสาวรีย์สามกษัตริย์และถนนพระปกเกล้า จะได้เห็น “ฟ้อนเทียน” งดงามสมบูรณ์แบบ
ขบวนฟ้อนจะเริ่มจากประตูท่าแพ เดินตามถนนราชดำเนินไปยังถนนพระปกเกล้า โดยผู้ร่วมขบวนจะถือผางประทีปคนละหนึ่งดวง ไปวางบูชาที่หน้าอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ ก่อนจะตั้งแถวร่ายรำเป็นพุทธบูชา ฟ้อนบูชาเมืองให้เข้ากับประเพณียี่เป็ง พร้อมกันนั้นทั้งสี่แจ่งเมืองก็จะต๋ามผางสว่างไสวไปทั่ว
งานนี้เกิดจากพลังของฟ้อนจิตอาสา เครือข่ายช่องฟ้อนรายงาม เครือข่ายคณะฟ้อนทุกอำเภอ และเครือข่ายบ้านครูเอ ที่สืบสานการฟ้อนล้านนามาอย่างต่อเนื่อง การซ้อมไม่ได้เริ่มเพียงวันเดียว แต่เตรียมการตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคม มีการอบรม ฟ้อนเทียน และการซ้อมจริงจังทั้งเช้าและบ่าย
เปิดรับสมัครช่างฟ้อนทาง Google form เพจเครือข่ายชุมชนเมืองรักษ์เชียงใหม่ และเพจศูนย์การเรียนรู้ภูมิปัญญาฟ้อนเมืองบ้านครูเอ จิดาภา ตั้งแต่ต้นเดือน จนถึง 25 กันยายน และประกาศรายชื่อผู้เข้าร่วมในวันที่ 29–30 กันยายน โดยปีนี้มีผู้สมัครกว่า 30 คณะ ปกติแล้วจะมีช่างฟ้อนจิตอาสามาฮอมกันกว่า 1,000 คน
ก่อนถึงวันจริง วันที่ 1 พฤศจิกายน จะมีวันซ้อมใหญ่เสมือนจริง ตั้งแต่เวลา 16:00–19:30 น. เพื่อเตรียมพร้อมให้การฟ้อนในวันงานสมบูรณ์ที่สุด
และในคืนวันที่ 3 พฤศจิกายน หลังการฟ้อนเทียนแล้ว ยังมีฟ้อนผางประทีป ฟ้อนโคมดอกบัว ฟ้อนหางนกยูง และฟ้อนล้านนาอีกหลายชุด ร้อยเรียงเป็นการบูชาแสงไฟและเมืองเชียงใหม่อย่างงดงาม
ฟ้อนแต่ละท่วงท่าไม่ใช่แค่ศิลปะ แต่คือการบูชา สืบสานภูมิปัญญา และบอกเล่าเรื่องราวของล้านนาที่มีชีวิต
การสืบทอดภูมิปัญญาล้านนา ผ่านเสียงดนตรี
การสืบทอดภูมิปัญญาล้านนา ผ่านเสียงฆ้อง กลอง และดนตรีพื้นเมือง เรื่องราวเริ่มต้นจากกลุ่มนักเรียนในชุมนุมดนตรีไทยและดนตรีพื้นบ้านของจังหวัดเชียงใหม่ เด็กๆ ตั้งแต่ ม.1 ถึง ม.6 มารวมตัวกันด้วยใจรักในเสียงเพลง พวกเขาปรึกษาหารือกันเพื่อสร้างกิจกรรมดนตรีที่เชื่อมโยงกับรากเหง้าของล้านนา
ทุกเช้า ก่อนเริ่มเรียน จะมีการซ้อมรวมวงในโรงเรียน และเมื่อเลิกเรียนตอนเย็นก็ยังนัดซ้อมต่อด้วยความตั้งใจ เสาร์–อาทิตย์ก็ไม่เว้น เด็กๆ ยังคงกลับมาซ้อมเพื่อพัฒนาฝีมือ และเสริมประสิทธิภาพในการเล่นเป็นวง
การเรียนรู้ไม่ได้จำกัดเพียงบทบาทใดบทบาทหนึ่ง แต่เปิดโอกาสให้ทุกคนได้สลับตำแหน่ง เล่นเครื่องดนตรีหลายชนิด เพื่อความเข้าใจอย่างรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นกลองสะบัดชัย กลองตึ่งโนง เครื่องสายพื้นเมือง หรือแม้แต่ปี่พาทย์
เมื่อฝีมือเริ่มเข้าที่ เด็กๆ สามารถรวมวงขึ้นมาเอง และออกไปร่วมแสดงในงานบริการชุมชน เชื่อมโยงกับชุมนุมนาฏศิลป์และเครือข่ายศิลปะพื้นบ้านจากแหล่งต่างๆ
เสียงฆ้อง เสียงกลอง และท่วงทำนองที่เด็กๆ ร่วมกันสร้าง ไม่ได้เป็นเพียงการแสดง แต่คือการสืบทอดภูมิปัญญาล้านนา ที่มีชีวิตและกำลังเติบโตอยู่ในมือคนรุ่นใหม่
-อาจารย์บุญยวัฒน์-
อาจารย์โรงเรียนหางดง รัฐราชอุปฐม
ต๋ามผางประทีปส่องฟ้าฮักษาเมือง ปีที่ 14
งานนี้เกิดจากพลังของชาวบ้านธรรมดา ที่อยากรักษารากเหง้าของเชียงใหม่เอาไว้ เพราะช่วงหลัง หลายคนหันไปสนใจการปล่อยโคม จนวิถีเก่าๆ ของเราค่อยๆ เลือนหายไป งานต๋ามผางประทีปจึงเป็นการนำสิ่งดั้งเดิมกลับมาส่งต่อ ทั้งให้คนรุ่นใหม่ได้เรียนรู้ และให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสวิถีชีวิตแท้จริงของล้านนา
สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้มีแค่ความศรัทธา แต่ยังสร้างรายได้ให้ชาวบ้าน เกิดอาชีพ เกิดเศรษฐกิจในท้องถิ่น งานนี้จึงไม่ใช่แค่การจัดประเพณีแบบฉาบฉวย แต่คือการสร้างความยั่งยืน
ทุกองค์ประกอบของงานเชื่อมโยงกันหมด ไม่ว่าจะเป็นการต๋ามผางประทีป พิธีกรรมทางศาสนา หรือศิลปะการแสดง ล้วนสืบสานวัฒนธรรมให้อยู่ต่อไป และยังทำให้ชาวต่างชาติที่มาเยือนได้เห็นความงดงามแท้จริงของล้านนา ขณะเดียวกันก็สร้างความภาคภูมิใจให้คนบ้านเราเอง
ปีนี้จัดขึ้นวันที่ 3 พฤศจิกายน ไฮไลต์คือขบวนแห่ช่างฟ้อน กิจกรรมต๋ามผาง เวิร์กช็อป และการร่วมจุดผางประทีปกว่าหมื่นดวง
และปีนี้ยังพิเศษกว่าเดิม เพราะเชียงใหม่กำลังก้าวสู่ปีที่ 730 ของเมือง หากเราทำได้เกินเป้าที่ตั้งไว้ 30,000 ดวง ก็ถือเป็นการบูชาเมืองก่อนก้าวเข้าสู่ปีสำคัญ
แสงไฟจากผางประทีปคือการบูชา สื่อถึงความรุ่งเรืองและนำทางชีวิต ปีละครั้งเท่านั้น พลาดแล้วพลาดเลย มาร่วมฮอมแสงไฟด้วยกัน เพื่อบูชาเมืองเชียงใหม่ ให้คงเสน่ห์และคุณค่าที่คนทั้งโลกอยากมาสัมผัส
-เสาวคนธ์ ศรีบุญเรือง-
ผู้ประสานงานเครือข่ายชุมชนเมืองรักษ์เชียงใหม่





