top of page

ความหมาย "ต๋ามผางปะตี้ด ส่องฟ้ารักษาเมือง" และของสถานที่ต๋ามผางประทีป

  • รูปภาพนักเขียน: Pimchanok Teppawong
    Pimchanok Teppawong
  • 3 วันที่ผ่านมา
  • ยาว 1 นาที
ree
ree

ใกล้เข้ามาแล้ว กับงาน “ต๋ามผางประทีปส่องฟ้าฮักษาเมือง ครั้งที่ 14”

ที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 3 - 5 พฤศจิกายนนี้ เพราะเชียงใหม่กำลังก้าวสู่ปีที่ 730 ของเมือง หากมีแสงไฟจากผางประทีป ส่องสว่างกว่า 30,000 ดวง ทั่วเมืองเชียงใหม่ ก็จะถือว่าเป็นการบูชาเมืองที่ยิ่งใหญ่และสำคัญในประวัติศาสตร์


ทั้งนี้เชิญชวนประชาชนร่วมกัน  พิธีถวายความเคารพและน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ณ ลานอนุสาวรีย์สามกษัตริย์


พามาทำความรู้จักกับสถานที่จุดผางประทีป ว่ามีความสำคัญอย่างไรบ้าง?


ลานอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ถือเป็นศูนย์กลางทางจิตวิญญาณของเมืองเชียงใหม่มาตั้งแต่อดีต อนุสาวรีย์แห่งนี้เป็นที่ระลึกถึง “พระญามังราย,” “พญางำเมือง,” และ “พญาร่วง” สามกษัตริย์ผู้ร่วมกันสร้างเมืองเชียงใหม่เมื่อกว่า 700 ปีก่อน และที่แห่งนี้จึงไม่ใช่เพียง “จุดเริ่มต้นของเมือง” แต่ยังเป็น “ศูนย์กลางแห่งศรัทธา” ที่ชาวเชียงใหม่ใช้ประกอบพิธีกรรมสำคัญในทุกเทศกาล


ในช่วง งานต๋ามผางประทีปส่องฟ้าฮักษาเมือง ลานแห่งนี้จะสว่างไสวด้วยแสงไฟจาก “ผางประทีป” นับหมื่นดวง พร้อมขบวนฟ้อนบูชาจากประตูท่าแพกว่า 500 คน ที่จะเดินถือผางประทีปมาสู่ลานอนุสาวรีย์ เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา ภาพของแสงไฟที่ระยิบระยับกลางลาน กลายเป็นสัญลักษณ์ของการ “ฮักษาเมือง” การคุ้มครองรักษาเชียงใหม่ให้สงบและรุ่งเรือง


 สี่แจ่งเมืองเชียงใหม่ แสงแห่งการปกปักรักษาเมืองทั้งสี่ทิศ

“สี่แจ่งเมืองเชียงใหม่” คือหัวใจของระบบคูเมืองล้านนา แต่ละแจ่งมีความหมายและบทบาทเป็น “ผู้ปกปักรักษาเมือง”

 แจ่งหัวลิน

 แจ่งศรีภูมิ

 แจ่งกู่เฮือง

 แจ่งกะต๊ำ


ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ เป็นจุดที่คูเมืองไหลมาบรรจบกับทางน้ำสายหลัก การจุดผางประทีปที่แจ่งกะต๊ำจึงทำให้รู้สึกถึง “การคืนความสมดุลให้แก่ธรรมชาติ” และเป็นการบูชาผ่านพลังแห่งน้ำและไฟ


ree
ree
ree

 
 
bottom of page